แมวกินเนื้อดิบได้ไหม? คู่มืออาหารดิบสำหรับแมว พร้อมวิธีเริ่มต้นอย่างมือโปร
09 Jul, 2025 / By
pinkpawpal

หลายคนอาจเข้าใจว่า BARF กับเนื้อดิบคือสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆ แล้วทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างสำคัญที่คนเลี้ยงแมวควรรู้ เพราะแม้จะคล้ายกันในแง่ของการให้อาหารแบบธรรมชาติ แต่ความสมดุลของสารอาหารและความปลอดภัยนั้นไม่เหมือนกันเลย
BARF (Biologically Appropriate Raw Food) เป็นสูตรอาหารดิบที่มีการผสมส่วนประกอบต่างๆ เช่น เนื้อสด กระดูก เครื่องใน และในบางสูตรอาจมีผักหรือวิตามินเสริม จุดเด่นคือออกแบบมาให้ครบถ้วน แต่หากสัดส่วนไม่เหมาะสม เช่น กระดูกมากเกินไป เครื่องในมากเกินไป หรือใช้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ เช่น ท้องผูก ภาวะวิตามิน A สูง หรือแร่ธาตุไม่สมดุล ซึ่งในท้องตลาดก็มีหลายแบรนด์ที่ใช้วัตถุดิบไม่ระบุชัดเจน หรือมีการตัดคุณภาพเพื่อลดต้นทุน
ในทางกลับกัน เนื้อวัวดิบคุณภาพดี โดยเฉพาะเนื้อวัวไขมันต่ำ 3% แบบที่ Pinkpawpal ใช้ จะช่วยให้เราควบคุมแหล่งที่มาและคุณภาพได้ดีกว่า มีความปลอดภัยเรื่องวัตถุดิบ และสามารถเป็นอาหารหลักของแมวได้ หากมีการเสริมสารอาหารให้ครบถ้วน
ด้วยเหตุนี้ Pinkpawpal จึงเลือกใช้เนื้อวัวดิบ ร่วมกับอาหารเสริมสูตรเฉพาะ เพื่อให้ได้สารอาหารครบถ้วนในแต่ละมื้อ ทั้งโปรตีนคุณภาพดี กล้ามเนื้อแน่น ภูมิคุ้มกันแข็งแรง และการย่อยที่ดีในลำไส้

สูตรที่เราใช้จริงในฟาร์มแมวแชมป์โลก
- เนื้อวัวดิบ 100 กรัม (ไขมันต่ำ 3%)
- Coat & Muscle Support 1 สกู๊ป (ช่วยเสริมขน กล้ามเนื้อ น้ำหนักดี)
- Beta-Glucan Probiotic 1 สกู๊ป (เสริมภูมิคุ้มกันและลำไส้ให้แข็งแรง และในสูตรมีการเพิ่มไฟเบอร์ดีอย่างไซเลี่ยมฮัสค์ ช่วยขับก้อนขนที่อาจตกค้างในลำไส้ไว้แล้ว)
เมื่อให้อย่างต่อเนื่องทุกวัน จะช่วยให้แมวมีรูปร่างแน่น ขนสวย สุขภาพแข็งแรง ซึ่งเจ้าของแมวหลายคนได้นำไปใช้และเห็นผลจริงภายใน 2–4 สัปดาห์ เช่น ขนนุ่มลื่นขึ้น กลิ่นอุจจาระลดลง และแมวดูมีพลังงานมากขึ้น แมวมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะในอาหารสดมีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก ทำให้แมวทานได้เยอะ และไม่อยู่ในภาวะขาดน้ำ ดวงตาจึงสดใส ขนสวยเงางาม สุขภาพดีแบบภายในสู่ภายนอก

อย่างไรก็ตาม แมวควรเริ่มกินอาหารดิบได้เมื่ออายุประมาณ 4–6 เดือนขึ้นไป หลังจากที่ระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกันเริ่มแข็งแรงพอ ไม่ควรให้ลูกแมวอายุต่ำกว่านี้กินเนื้อดิบโดยไม่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
หากแมวของคุณยังไม่เคยกินอาหารดิบมาก่อน แนะนำให้เปลี่ยนแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มจากผสมเนื้อวัวดิบปริมาณเล็กน้อยลงในอาหารเดิม แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้นในช่วง 5–7 วัน เพื่อให้ระบบย่อยสามารถปรับตัวได้อย่างปลอดภัย
เนื้อดิบที่ใช้ควรผ่านการแช่แข็งที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 3 วันก่อนใช้งาน และเมื่อละลายแล้วควรเก็บในตู้เย็นไม่เกิน 24 ชั่วโมง ไม่ควรปล่อยไว้ที่อุณหภูมิห้องนานเกิน 30 นาที
แมวที่กินอาหารดิบควรได้รับการถ่ายพยาธิทุกๆ 3 เดือนเพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากปรสิตที่อาจมากับเนื้อดิบ

สายพันธุ์ที่เหมาะกับการกินเนื้อวัวดิบ ได้แก่
- เปอร์เซีย / เอ็กโซติก: ตัวแน่น ลดคราบน้ำตา
- เมนคูน / นอร์วีเจียน / ไซบีเรียน: เสริมขนหนาและพลังงาน
- บริติชชอร์ตแฮร์ / แร็กดอลล์: รักษารูปร่างแน่น ดูหรู
- เบงกอล: เสริมกล้ามเนื้อและระบบย่อยที่ตอบสนองดีต่ออาหารดิบ
หากคุณเป็นคนรักแมวที่อยากเริ่มต้นกับอาหารธรรมชาติแบบปลอดภัย สามารถเริ่มจากสูตรนี้ได้ทันที และหากไม่แน่ใจว่าจะเริ่มอย่างไร หรือควรปรับยังไงให้เหมาะกับแมวของคุณ ทีม Pinkpawpal ยินดีให้คำแนะนำฟรีได้ที่ www.pinkpawpal.com หรือ
⭐Facebook Fanpage : http://m.me/pinkpawpalthailand
⭐Line@ : @pinkpawpal หรือกดเพื่อแอด https://lin.ee/5TwU4VF
⭐Tik Tok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSFkaYE3q/
⭐Shopee Shop: https://shope.ee/4phVxYTS64
⭐Lazada shop: https://www.lazada.co.th/shop/pinkpawpalofficial
⭐Whatapps: wa.me/66927949226
⭐Email: sales@pinkpawpal.com